PHOTO: Aounphoto
TEXT: Flatmotion
We all know how strict Singaporean laws are, be it the infamous gum law or the no-spitting manner. They are proud of it, and we are glad that they are. Getting to be able to live a 90% crime-free life without the bad and the ugly, is like being in a part of Utopia.
Now when it comes to automobile, there is no doubt that it is nothing better than the gum law. I’ve heard plenty of stories about how far Singaporean law enforcement will go to make sure the road is filled with silenced-low-emission-vehicles-with-no-wings. They absolutely have no tolerance for tuners. The worst of it all is (for people like us); the older your car, the more expensive road tax you will have to pay. From that, the photo below seems to get a lot more interesting to me.
ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินว่า “สิงคโปร์” เป็นเมืองที่มีกฏหมายเข้มงวดพอกับประเทศญี่ปุ่นเลย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของรถนำเข้าหรือรถแต่ง คงไม่ต้องพูดถึงว่าขนาดไหน เป็นที่มาของคำถามในใจผมว่า “AE86 คันนี้ จะยังมีอยู่บนเกาะในอนาคต ที่มีแต่คนใช้รถใหม่อย่างเมืองสิงห์อีกหรอ”
This AE86 out of 3 others, is the one and only Sprinter Trueno GT in the Singapore. Yes, the one and only. It might have the look of Takumi’s 86, which according to the story focuses on plain and simple settings with a stock 16V 4A-GE. Unfortunately, this 86 is not as simple as its looks. Seems like being one of a kind is far from enough for Benjamin Chiam, a professional D1 racer who owns the car.
ทั้งประเทศสิงคโปร์มี AE86 อยู่ทั้งหมด 4 คัน และคันนี้เป็นคันเดียวที่เป็น Sprinter Trueno GT เจ้าของคือคุณ Benjamin Chiam นักแข่งดริฟท์สัญชาติสิงคโปร์ คนที่ติดตามวงการ drift คงรู้จักหรือเคยเห็น Supra สีดำเขียวที่จูนโดยคนไทย ผ่านตาไปบ้างแล้ว
First of all before getting to know more about this Hachi-Roku, let’s start off with the fines for being one of a kind in a place like Singland. Benjamin had to pay $1,200 for road tax, and more than $70,000 on CoE (Certification of Entitlement) to be able to legally drive the car on the road for ten years. I can’t be certain if this rate is considered high comparing to some other strict countries. Although in Thailand, with the price of certification alone you can buy one standard AE86 in Thailand without any other extra cost!
สิ่งที่น่าตกใจ แต่ไม่น่าแปลกใจคือ ค่าใช้จ่ายที่ Benjamin ต้องเสียไปมากกว่า 70,000 ดอลล่าสิงคโปร์ (หนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท) เพื่อที่จะสามารถขับ 86 คันนี้บนถนนได้เป็นเวลา 10 ปี และค่าภาษีอีก 1,200 ดอลล่า (สามหมื่นบาท/ปี) แค่เงินค่าเสียหายจากภาษีและใบรับรองก็สามารถซื้อ AE86 ตัวธรรมดาอย่าง ในไทยได้สบายๆแบบมีทอน
The night of the shoot, we didn’t have much time with Ben since we had to get up early on the next day. Though it was a quick session of a few chat and snap, spending night hours with a special 86 on the streets of a foreign land made every minute rewarding.
เราใช้เวลากับ AE86 ของคุณ Benjamin ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงในคืนนั้น เพราะเราต้องตื่นกันแต่เช้า แต่คืนนั้นพิเศษมากสำหรับพวกเรา มันเป็นครั้งแรกของพวกเราที่ได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศบนถนนในเมืองสิงห์ กับรถที่มีแค่คันเดียวในประเทศ
The second we met the car was the kind of feeling that we have never felt before from any other AE86s that we have encountered. There are plenty of 86s in Thailand which none of them seem to be as well-executed as this one. From seeing it in person, we could tell this 86 is not just for looks, and these photos won’t do justice to you readers.
With our enthusiast’s instinct, when listening to the sound of a car, we would know there are two kinds of noise; the noise from loud pipes and the noise from the engine itself. We could “feel” the dense of the exhaust when it’s idling, this car is clearly far from being stock. After we rolled onto the street along with Ben we also grasp one more big thing about how close the gear ratio was.
พวกเราเคยเห็น AE86 มาหลายคัน ไม่ว่าจะทำให้แรง ทำให้เดิม หรือทำให้สวย แต่ก็ไม่เคยเจอคันไหนที่ดูเหมาะสมเท่าคันนี้มาก่อนจริงๆ วินาทีที่ได้เห็นรถวิ่ง เราได้ยินเสียงความควบแน่นของไอเสีย, ความชิดของอัตราการทดเกียร์, และ camber ที่ดูออกเลยว่า set-up ขึ้นมาสำหรับการ drift โดยเฉพาะ เราก็รู้เลยว่ารถคันนี้ไม่ได้ทำใว้ให้ดูสวยอย่างเดียว
After we’ve been properly introduced to the car in every sense, it was about time that we asked Ben to unravel the mysteries.
สุดท้ายเมื่อรถจอด พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะขอให้ Benjamin เปิดฝากระโปรงเพื่อจะไขข้อสงสัยในหัว
The engine clearly shows that it has been through a full-scale modify for drifting with maximum attack. I have to mention first that Ben is quite a fan of Keiichi Tsuchiya. First thing that led our eyes to was the super stunning header which was made by a respectful shop in SG with a 4-1 formula, although the purple-head suspension and nitrous pipes caught our attention right after. This 16V 4A-GE is composed of full forged Tomei/TODA internals which generates 262 WHP and more than 300 WHP with the nitrous. Don’t forget that this is an all-motor engine with a playful N2O on D1-spec settings while looking like a standard AE86; sounds like fun to me.
We mentioned close-ratio earlier, if you’ve got the heart for drifting you must know that Tsuchiya’s 86 is running on a very close ratio. Benjamin explained to us in a simple sentence, “It’s the one that shifts from 1st, 2nd, 3rd, 3.5, and 4th!”. It’s something he must have done since half of his inspiration is Tsuchiya’s 86. Last but not least, I’m proud to mention that this car had been tuned by “Mr. Op Tuning”, a master tuner from the very first generation of Thailand’s motorsport tuners, who’s always in partner with “Roj Wiring”. The two masters are one of the most respected tuners and wiring engineers in Thailand.
Benjamin เปิดฝากระโปรงขึ้นมาวินาทีแรกก็เข้าใจถึงที่มาของเสียงอันเร้าใจอย่างชัดเจน ขอบอกก่อนว่า Ben เป็นคนที่หลงไหลในตัวอาจารย์ Keiichi Tsuchiya มาก ซึ่งเครื่องนี้ถ้าดูไปดูมาจะคล้ายคลึงกับเซ็ตติ้งของรถ Tsuchiya เลย เริ่มที่เฮดเดอร์ ซึ่งเตะตาผมเป็นสิ่งแรก Ben บอกว่าเป็นสูตร 4-1 ของร้านชื่อดังในสิงคโปร์นามว่า Tonkka หัวโช้คสีม่วงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายี่ห้ออะไร และสายไนตรัสที่ถูกเดินเอาไว้รอบๆไอดีเป็นอะไรที่ผมไม่ต้องอธิบาย เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของความไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรง เครื่อง 16 วาล์ว 4A-GE ตรงรุ่น กับตัวถัง AE86 โดยที่เปลี่ยนใส้ในทั้งหมดเป็นของ Tomei และ TODA คละกันอยู่ ซึ่งสร้างแรงม้าทั้งหมดได้ 262 ตัวโดยที่ไม่มีแก้สไนตรัส และจะดันขึ้นไปได้ถึง 300 แรงม้าขึ้นไปถ้ามีการฉีดแก้ส ซึ่งขึ้นอยู่กับ setting
ผมได้พูดเรื่องความชิดของเกียร์ไปก่อนหน้านี้ ถ้าคุณเป็นคนแต่งรถผมคงไม่ต้องอธิบาย แต่เพื่อความกระจ่าง รถของ Ben ใช้สูตรเกียร์เดียวกับ Tsuchiya หรือถ้าใครไม่ได้ติดตาม Tsuchiya ก็สามารถเข้าใจได้ในประโยคเดียว คือ “1-2-3-3.5-4” นั่นเอง อย่าลืมว่าคันนี้เป็นเครื่อง N/A ที่ใช้รอบเป็นไม้ตาย พอลองนึกถึงปัจจัยเหล่านี้รวมกันดูแล้วก็น่าสนุกเลย ไนตรัสกับระบบอัดอากาศดั้งเดิม, เกียร์ close-ratio, และมี settings สำหรับการดริฟท์ระดับ D1 อยู่ในคราบรถคลาสสิกอย่าง 86 ที่มี balance เป็นจุดเด่น ผมขอทิ้งท้ายไว้ว่า เครื่องตัวนี้ ถูกจูนโดย “คุณอุป จูนนิ่ง” คู่หูประจำกับคุณ “โรจน์ วายริ่ง” ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ซึ่งบินไปจูนให้คุณ Benjamin ถึงสิงคโปร์โดยเฉพาะ
A moment of contrast happened after we backed away to check out the overall profile of this car. Being almost as clean as a standard AE86, having no roll-bars, no stickers, and no flashy decorations; nobody will be able to depict what has been done to the motor. He’s running on a super-rare 15″ TE37Vs which I’ve read in The Right Wrong that this is the “only set” in Singapore.
คันนี้ใส่ล้อ Volks TE37Vs ขอบ 15 นิ้ว กว้าง 9 นิ้ว หาดูได้ทั่วไปตามรถขนาดเล็กอย่าง eco-car ในบ้านเรา (ล้อก๊อป) แต่คันนี้ใส่ของแท้ ซึ่งสิงคโปร์เป็นประเทศที่หาอะไหล่รถยากมาก ผมได้ยินมาจาก blog รถซิ่งที่รู้จักกันในสิงค์โปร The Right Wrong ว่าล้อเซ้ทนี้เป็น “TE37Vs เซ็ทเดียวในประเทศ”
The resonator is even there! We can imagine how this car can be as gentle as possible while it’s another world under the hood. Although in Singaporean’s case, it’s the decibel limit that matters.
ไม่น่าเชื่อว่ายังมีหม้อพักอยู่ ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวของผม คงเป็นท่อตรงไปแล้ว แต่ผมคงไม่มีวันที่จะได้สัมผัสอะไรที่ไกล้เคียงกับรถคันนี้ ผมมองว่าการที่ Ben ยังใช้หม้อพักใบเติบอยู่โชว์ให้เห็นถึงความใจเย็นของคนที่ตั้งใจแต่งรถตัวเองให้ดูดี ทั้งนี้เพื่อที่จะให้รถมีเสียงที่ไม่ดังเกินไป ซึ่งผมเป็นคนชอบอะไรแบบนี้มาก “แรงแต่ไม่แสดงออก” จริงๆแล้วผมคิดว่าคงเป็นเรื่องของกฎหมายในสิงคโปร์มากกว่า (55555+)
-3 degrees camber, a typical angle you will see on any drift-able cars.
Camber ถูกตั้งไว้ที่ -3 ตามสเต็ปของรถดริฟท์ อย่างที่กล่าวไว้ว่ารถคันนี้คือ AE86 หน้าตาธรรมดาๆ ที่มี spec ระดับรถแข่งขัน D1
This is real-life Takumi’s AE86 with D1 specs.
คันนี้แหละรถทาคุมิในชีวิตจริง ซึ่งเราก็จะรู้กันว่ารถทาคุมิจะเน้นเครื่องเดิมเป็นหลัก (ที่เหลือคือ skill ระดับเทพของพ่อบุนตะและทาคุมิ) แต่คันนี้มีเครื่องและเซ็ตติ้งระดับรถ D1
Being a Japanese-inspired enthusiast in Singapore must have been disturbing. You must keep an eye out for the laws, while everyone else is rolling luxuriously on a Panamera or above. Though seems like Ben has got no problem with that, and if things get really bad, he’s got a 1UZ Supra stored in Thailand to keep him entertained in D1 competitions. Apart from the fact that he has been living under so much restrictions, I have to admit that what he has pulled out on this 86 is something we don’t see in Thailand. Since the Thais have been living with abounding freedom over road regulations, we’re always into mighty horsepower and far from being neat or tidy. I won’t say which is better, since I’m always into diversity.
การที่เป็นคนชอบรถซิ่งญี่ปุ่นในประเทศอย่างสิงคโปร์คงเป็นอะไรที่น่ารำคาญเป็นที่สุด ในขณะที่คนอื่นๆขับรถอย่าง Panamera (หรือแพงกว่า) ด้วยความสบายใจ เทียบกับเจ้าของรถอย่าง Benjamin ที่จะต้องมาระวังตำรวจบนถนน และยังต้องแต่งรถให้อยู่ในกฏเกณฑ์และให้ผ่านการตรวจสภาพทุกปีอีกด้วย แต่ Ben ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหากับเรื่องเหล่านั้นเลย และถ้าชีวิตมันแย่มากจริงๆแล้วละก็ Ben ยังมี Supra 1UZ ที่ใช้แข่ง D1 จอดรออยู่ในไทยให้เขาได้ระบายอารมณ์เล่นแก้เบื่อไปพลางๆ
ยังไงก็ตาม ภายใต้กฏหมายเหล่านั้นผมต้องนับว่าคุณ Ben สามารถทำรถคันนี้ให้ดูลงตัวและครบถ้วนทุกด้านเหลือเกิน ทุกอย่างอยู่ในโทนที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อจริงๆ ถ้าให้อธิบายภาพลักษณ์ของรถ Ben ในประโยคเดียวผมคงจะบอกว่า “86 คันนี้ไม่มีอะไรให้ดู มีแต่เสียงกับเครื่องให้ได้รู้สึก” ต่างจากกระแสในประเทศไทยที่มีกฏหมายค่อนข้างหละหลวม เจ้าของรถจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจปัจจัยต่างๆบนรถให้วุ่นวายเหมือนสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น จะสวยยังไงก็ได้ จะแรงยังไงก็ได้ จะถอดกี่ชิ้นก็ไม่เป็นไร จะใส่กี่ชิ้นก็ไม่เป็นไร การตัดสินใจเลือกของแต่งจึงง่ายกว่า ทำให้ไม่ต้องคิดวกวนหลายรอบเหมือน Benjamin ที่กว่าจะเลือกแต่ละชิ้นได้นั้นต้องห่วงอีกหลายเรื่อง ซึ่งผมไม่ขอพูดว่าสิ่งไหนดีกว่า เพราะผมเป็นคนชอบความหลากหลายในทุกสิ่งอย่างมาตลอดอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีความหลากหลายให้เห็นได้ ก็จะดีกว่าอะไรการดูอะไรที่จำเจแน่นอน